เกิดจากร่างกายได้รับสารอาหารประเภทไขมันมากเกินไปเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญ ได้หมดในแต่ละวัน จึงทำให้เกิดไขมันส่วนเกินบริเวณท้องขึ้นมา หากปล่อยไว้นาน ๆ ไขมันส่วนนี้ก็ยิ่งจะเเข็งตัวมากขึ้นจะทำให้หน้าท้องของเราป่องออกมานั่นเองค่ะ แม้น้ำหนักตัวของคนไข้จะพอดี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่อ้วน ถ้าคนไข้มีภาวะไขมันที่สะสมในช่องท้องมากเกินไป ไขมันเหล่านั้นก็จะส่งผลอันตรายต่ออวัยวะได้ เพราะไขมันในช่องท้องสามารถละลายเข้าสู่กระเเสเลือดไปสะสมที่อวัยวะต่าง ๆ ได้ ซึ่งไขมันแต่ละชนิดจะส่งผลอย่างไรต่อร่างกายบ้างไปดูกันเลยค่ะ
ไขมันแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
- ไขมันในหลอดเลือด ภาวะที่ร่างกายมีไขมันในเลือดมากกว่าปกติ โดยไขมันในร่างกายส่วนใหญ่ คือ โคเลสเตอรอล ไขมันที่เรียกว่าเป็นไขมันตัวร้าย ถ้ามีมากขึ้นในร่างกายก็จะไปเกาะอยู่ตามหลอดเลือดต่าง ๆ ซึ่งภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหัวใจหลอดเลือด และเส้นเลือดตีบอุดตัน เป็นอันตรายต่อร่างกายทำให้เสียชีวิตได้ค่ะ
- ไขมันใต้ผิวหนัง เกิดจากการสะสมของร่างกาย เพื่อเก็บไว้เป็นพลังงาน ไขมันชนิดนี้ไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่ แต่อาจจะมีปัญหาของเรื่องความสวยงามของสาว ๆ หรือ LGBTQ ซึ่งไขมันชั้นนี้สามารถลดได้โดยการคุมอาหาร การออกกำลังกาย หรือสามารถลดไขมันด้วยการดูดไขมัน หรือสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้ผลลัพธ์ชัดเจน และเห็นผลจริงค่ะ
- ไขมันช่องท้อง เกิดจากคนไข้รับประทานอาหารประเภทไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรต น้ำตาลเป็นปริมาณมากเกินไป ทำให้ร่างกายเผาผลาญไม่หมด ไขมันเหล่านี้เมื่อถูกสะสมในช่องท้องเป็นเวลานาน สุดท้ายก็จะถูกเปลี่ยนสภาพมาเป็นไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ของการเกิดโรคอันตรายต่าง ๆ อีกด้วย
เคล็ดลับเบิร์นไขมันให้กระจาย
เชื่อว่าหลาย ๆ คนยังมีความเชื่อที่ผิดโดยเข้าใจว่า หากเรามีน้ำหนักตัวที่น้อย หรือหุ่นที่สมส่วนอยู่แล้ว เท่ากับว่าไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการเบิร์นไขมัน จึงทำให้หลายคนละเลยการออกกำลังกาย หรือไม่สนใจเรื่องการดูแลรูปร่าง จนกลายเป็นต้นเหตุทำให้หุ่นไม่ฟิต เฟิร์ม ไม่กระชับ และอีกหลายปัญหาที่ตามมาเกี่ยวกับรูปร่าง จนทำให้ขาดความไม่มั่นใจในตัวเอง ทำให้เสียบุคลิกภาพได้ วันนี้แอมเลยรวบรวมวิธีการกระชับหุ่นมาฝากหนุ่ม ๆ สาว ๆ กันค่ะ
5 วิธีกระชับหุ่นให้สวยสับ
- รับประทานอาหารประเภทโปรตีน ช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดี เนื่องจากโปรตีนมีส่วนสำคัญในการซ่อมแซม ฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เมื่อคนไข้กินอาหารประเภทโปรตีน จะทำให้กล้ามเนื้อเเข็งแรงมากขึ้น เพราะฉะนั้นการกินโปรตีนจึงเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายได้ใช้ระบบการเผาผลาญได้อย่างเต็มที่ และอาหารประเภทโปรตีนยังทำให้อิ่มนานอีกด้วยค่ะ
- การออกกำลังกาย เป็นการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ช่วยให้ปอด หรือหัวใจแข็งแรง โดยการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการพัฒนากล้ามเนื้อ และส่งผลให้อัตราการเผาผลาญดีขึ้นอีกด้วย
- เพิ่มไขมันดี เป็นไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวที่สามารถพบได้ในอาหารทั่วไป เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำขาว ถั่วเปลือกแข็ง ปลาน้ำลึก โดยไขมันดีมีส่วนช่วยขจัดไขมันเลว ในร่างกายของคนไข้ ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องนาน เพราะร่างกายใช้เวลาในการย่อยไขมันค่อนข้างนานค่ะ
- ดื่มชา หรือกาแฟ (แบบไม่ใส่น้ำตาล) เพราะในชา หรือกาแฟมีสารคาเฟอีน ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญ กระตุ้นให้ร่างกายเผาแคลอรี่ ทั้งนี้คาเฟอีนยังช่วยให้อยู่ท้อง และช่วยลดน้ำหนักได้ดีอีกด้วยค่ะ
- นอนพักผ่อนย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง / วัน การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย และซ่อมเเซมส่วนต่าง ๆ ที่สึกหรอ ของร่างกายให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ดีสดชื่น พร้อมตื่นมาใช้ชีวิตในวันถัดไปค่ะ
เคล็ดลับ 4 ท่า 5 ทาน ช่วยกระตุ้นการเบิร์นไขมันหน้าท้อง
ปัญหาที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ เจอกันสำหรับการออกกำลังกาย เพื่อรักษารูปร่างนั้นก็คือ ไขมันหน้าท้องที่ไม่ว่าจะออกกำลังหนักขนานไหนก็ตาม พุงที่ยื่นออกมาก็ยังอยู่ที่เดิม และไม่ยอมออกไปไหนซักที ซึ่งคนไข้บ้างคนก็เหนื่อยกับการออกกำลังกาย ยิ่งออกมากเท่าไหร่พุงเหล่านั้นก็ไม่ยอมออกไปซักที ไม่รู้จะทำยังไงดี วันนี้แอมเลยมารวบรวบข้อมูลที่ทำแล้วได้ผลลัพธ์ดี ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้างค่ะ
การออกกำลังกาย
- การเล่นโยคะ การเล่นโยคะมีให้เลือกหลากหลายท่า โดยทั่วไปคนเล่นโยคะประจำจะทำท่าต่าง ๆ หมุนเวียนกันไป 12 – 15 ท่า ขึ้นอยู่กับเวลาที่เราจะเล่น แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งหัดเล่น แนะนำให้ทำท่าพื้นฐานง่าย ๆ ก่อน โดยอาจจะเริ่มการนั่งพื้น ยกขาขึ้นให้เหยียดตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ หายใจเข้า และเกร็งไว้ซักแปป หากอยากให้ไขมันลดเร็วก็ควรเล่นโยคะในห้องที่มีอุณหภูมิสูง เพื่อให้ร่างกายขับเหงื่อ เบิร์นไขมันหน้าท้องได้ดีค่ะ
- การแขม่วท้อง เป็นการออกกำลังกายอีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำได้ง่าย และสามารถลดพุงได้จริงถ้าทำได้ตลอดเวลา ซึ่งการแขม่วหน้าท้องบ่อย ๆ นั้นก็เหมือนกับการซิทอัพทำให้ร่างกายได้ใช้พลังงานตลอดเวลา โดยสามารถทำได้ทั้งตอนนั่ง หรือยืนก็ได้ ทำได้ทั้งวัน ที่สำคัญยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดี แก้ปัญหาท้องผูกได้ค่ะ
- การซิทอัพ เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อได้หลายส่วน เหมาะสำหรับผู้ที่อยากลด หรืออยากจะมีกล้ามหน้าท้อง นอกนจากนี้ยังสามารถช่วยบริหารกล้ามเนื้อส่วนอื่นได้อีกด้วย เช่น คอ หน้าอก หลังส่วนล่าง และยังสามารถเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยเสริมโครงสร้างร่างกาย ทำให้มีบุคลิก รูปร่างที่ดูดีขึ้นค่ะ
- นั่งยกขา เหมาะกับบุคคลที่นั่งติดโต๊ะทำงานตลอดเวลาอย่าง เช่นพนังงานออฟฟิศ ซึ่งวิธีนี้ทำได้โดยการนั่งพิงกับเก้าอี้ ยกขาขึ้น โดยไม่ต้องยกมากจนเกินไป ยกค้างไว้ประมาณ 10 นาที แล้วทำไปเรื่อย ๆ ทำให้หน้าท้องลดได้จริงค่ะ
อาหารที่ควรทาน
- ปลาไขมันดี ปลาประเภทไขมันดี เช่น ปลาแซลมอน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาซาร์ดีน ล้วนเป็นแหล่งของโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย เป็นสารอาหารที่ช่วยให้หลับสนิท และลดความอยากอาหารในช่วงเวลากลางดึกอีกด้วย แต่ก็ควรทานใรปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายนะคะ เพราะถ้าทานมากไปก็ส่งผลเสียได้เช่นกันค่ะ
- ชาเขียว การดื่มชาเขียวก่อนออกกำลังกายสักประมาณ 20 -30 นาที จะสามารถช่วยเรื่องการเผาผลาญไขมันในระหว่างที่ออกกำลังกายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นชาเขียวยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ป้องกันโรคมะเร็ง และยังเป็นแหล่งต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเผาผลาญไขมัน ช่วยให้ไขมันส่วนหน้าท้องของเราลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- กรีนโยเกิร์ต ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย ลดอาการบาดเจ็บของข้อต่อ ปกป้องกล้ามเนื้อในระหว่างการลดน้ำหนัก ทำให้เรารู้สึกอิ่มนาน ปรับระดับฮอร์โมนในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย
- ถั่วต่าง ๆ ถั่วเป็นอาหารที่มีสรรพคุณสูง เพราะมีทั้งไขมันดี และโปรตีนที่เต็มไปด้วยโภชนาการที่ดี รับประทานแล้วทำให้รู้สึกอิ่มนานช่วยเผาผลาญได้เป็นอย่างดี แต่เราก็ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันแคลอรี่เกินกว่าที่ร่างกายต้องการค่ะ
- น้ำ การดื่มน้ำเปล่าช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทั้งทางเหงื่อ และปัสสาวะ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้กระบวนการเผาผลาญดีขึ้น หากเราดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร 1 เเก้วจะช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มทำให้รับประทานอาหารได้น้อย หรือถือว่าช่วยลดสารอาหารที่ไม่จำเป็นเข้าสู่ร่างกายได้ค่ะ