4 วิธีลดไขมันในร่างกายโดยไม่ต้องออกกำลังกาย

4 วิธีลดไขมันในร่างกาย

ปัญหาที่ฉุดรั้งความมั่นใจของใครหลาย ๆ คน คงไม่พ้นปัญหา พุงยื่น แขนใหญ่ ขาใหญ่ จากไขมันส่วนเกิน  ทำให้สูญสียบุคลิกภาพ แถมเวลาใส่เสื้อผ้าไม่สวยดั่งใจ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่ว่าจะงานยุ่ง หรือขี้เกียจ วันนี้เรามี 4 วิธีในการลดไขมันในร่างกาย ได้สัดส่วนโดยไม่ต้องออกกำลังกายมากฝากกันค่ะ ขอบอกเลยว่าวิธีเหล่านี้เป็นวิธีที่เร่งด่วน และเห็นผลชัดเจนแน่นอนค่ะ

ลดการกิน คาร์โบไฮเดรต

1.ลดการกินคาร์โบไฮเดรต

การลดแป้งสามารถช่วยลดไขมันได้ แป้งเป็นอาหารที่มีแคลอรี่สูง การลดแป้งลงจะช่วยจำกัดปริมาณแคลอรีที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน ส่งผลให้น้ำหนักลดลงได้ นอกจากนี้การลดคาร์โบไฮเดตยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอินซูลินออกมา อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์ เมื่อระดับอินซูลินสูง ร่างกายก็จะเก็บน้ำตาลกลูโคสไว้ในรูปของไขมันมากขึ้น

 การลดคาร์โบไฮเดตเพื่อลดน้ำหนักสามารถทำได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุดคือหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปที่มีแป้งสูง เช่น ขนมปัง พาสต้า ข้าวขาว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำอัดลม ขนมหวาน แทนที่ด้วยอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนต่ำ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ถั่ว เมล็ดธัญพืช ผัก ผลไม้ เป็นต้น

กินโปรตีนให้มากขึ้น

2.กินโปรตีนให้มากขึ้น

โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยควบคุมการเผาผลาญพลังงาน และช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย โปรตีนสามารถช่วยลดน้ำหนักได้โดยการ

  • เพิ่มความรู้สึกอิ่มท้อง โปรตีนใช้เวลาในการย่อยนานกว่าคาร์โบไฮเดรต และไขมัน ทำให้คุณรู้สึกอิ่มท้องนานขึ้นและกินอาหารได้น้อยลง
  • เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน โปรตีนช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานโดยเฉลี่ย 80-100 แคลอรี่ต่อวัน
  • รักษามวลกล้ามเนื้อ มวลกล้ามเนื้อช่วยเผาผลาญพลังงานมากขึ้น ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงจะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ และช่วยลดน้ำหนักได้

แหล่งโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ สัตว์ปีก ปลา เนื้อไม่ติดมัน ไข่ เต้าหู้ ถั่ว เมล็ดพืช สามารถรับประทานโปรตีนได้ในทุกมื้อ และของว่าง โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพโดยรวม อาหารที่มีโปรตีนสูงเป็นส่วนหนึ่งของการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเพื่อลดน้ำหนัก พร้อมทั้งลดไขมันไปในตัวด้วย

การอดอาหารแบบ-Intermittent-(IF)

3.การอดอาหารแบบ Intermittent (IF)

การอดอาหารแบบ Intermittent (IF) เป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน การอดอาหารแบบIF เป็นรูปแบบของการอดอาหารเป็นช่วงเวลา โดยกำหนดช่วงเวลาของการกินอาหารและช่วงเวลาของการอดอาหาร โดยช่วงเวลาของการอดอาหารจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิธีแต่วิธีที่นิยมมากที่สุด ได้แก่

  • การอดอาหาร 16/8: วิธีนี้เป็นการอดอาหารเป็นเวลา 16 ชั่วโมง และกินอาหารเป็นเวลา 8 ชั่วโมง
  • การอดอาหารแบบวันเว้นวัน: วิธีนี้เป็นการอดอาหารเป็นเวลา 24 ชั่วโมงทุก ๆ 2 วัน
  • การอดอาหารแบบ 5:2: วิธีนี้เป็นการกินอาหารตามปกติ 5 วันต่อสัปดาห์ และอดอาหารเป็นเวลา 24 ชั่วโมง 2 วันต่อสัปดาห์

การอดอาหารแบบIF มีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าสามารถช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มการเผาผลาญ และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ได้ อย่างไรก็ตาม การอดอาหารอาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือโรคไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการอดอาหารแบบ Intermittent (IF)

4.การดูดไขมัน

การดูดไขมัน (Liposuction) คือการผ่าตัดที่ใช้ในการกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย การดูดไขมันสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่พบมากที่สุดคือการใช้ท่อขนาดเล็ก (cannula) สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง และดูดไขมันออก การดูดไขมันต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงาม

การดูดไขมันสามารถใช้เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินจากบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา สะโพก ต้นแขน เหนียง หรือเรียกได้ว่าสามารถดูดไขมันทั้งตัวได้ค่ะ หัตถการนี้สามารถช่วยให้รูปร่างดูดีขึ้น และกระชับขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก ใช้เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินเท่านั้น โดยตำแหน่งที่นิยมมดูดไขมันได้แก่ 

  1. ดูดไขมันต้นแขน ต้นขา มีข้อดีคือ สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณต้นแขน ต้นขา ได้อย่างถาวร ช่วยให้ต้นแขน ต้นขา เรียวเล็กลง กระชับขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น เลือดออก การติดเชื้อ รอยแผลเป็น และรอยแดง
  1. ดูดไขมันเหนียง จะทำการดูดไขมันออกจากบริเวณใต้คาง โดยใช้เข็มขนาดเล็ก และเครื่องดูดไขมัน ซึ่งจะให้ผลลัพธ์คือผิวบริเวณใต้คางกระชับขึ้น 
  1. ดูดไขมันหน้าท้อง กำจัดไขมันส่วนเกิน และผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณหน้าท้อง ทำให้หน้าท้องดูกระชับขึ้น ดูดไขมันหน้าท้องสามารถทำได้ทั้งแบบทั่วไป และแบบแผลเล็ก
  1. ดูดไขมันสะโพก สะโพกเป็นบริเวณที่มักสะสมไขมันส่วนเกิน และอาจทำให้รูปร่างไม่สมส่วน ดูดไขมันสะโพกสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากสะโพก ทำให้สะโพกดูกระชับสมส่วนมากขึ้น

การดูดไขมันเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยง ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดูดไขมัน ได้แก่ เลือดออก บวมช้ำ รอยแผลเป็น และการติดเชื้อ ความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจะเพิ่มขึ้นหากคุณมีน้ำหนักตัวมาก หรือหากคุณสูบบุหรี่

Scroll to Top
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า