บทความ

ดูดไขมันทั้งตัวต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง -น้ำหนักและมวลไขมันของคนไข้ แพทย์จะดูที่น้ำหนักและปริมาณไขมันของคนไข้ เพื่อประเมินปริมาณยาชาที่ต้องใช้ขณะดูดไขมันค่ะ หากคนไข้มีน้ำหนักตัวที่มาก ก็สามารถใช้ยาชาได้เยอะ แต่สำหรับบางคนที่มีน้ำหนักน้อย แต่ไขมันเยอะ แสดงว่าไขมันเยอะกว่าน้ำหนักตัวนั่นเอง– ระยะเวลาในการดูดไขมันในการดูดไขมันแต่ละครั้ง ไม่ควรใช้เวลาเกิน 4-5 ชั่วโมง นะคะ เพราะหากใช้เวลาในการดูดไขมันนานเกินไป จะเกิดผลข้างเคียงได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็น อาการอ่อนเพลียของคนไข้,แพทย์เหนื่อย,คนไข้มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดได้ค่ะ – ปริมาณไขมันที่ดูดออก การดูดไขมันแต่ละครั้ง มีมาตรฐานกำหนดไว้ว่า ไม่ควรดูดเกิน 5 ลิตรต่อครั้ง หากดูดเกิน 5 ลิตรต่อครั้ง จะส่งผลกระทบต่อสมดุลน้ำและความดันในร่างกายค่ะความสมดุลของน้ำในร่างกาย เมื่อน้ำในร่างกายถูกดูดออกไปพร้อมๆกับไขมันแต่ละครั้ง ทำให้ร่างกายของเราเสียน้ำมาก เกิดภาวะไม่สมดุลของน้ำในร่างกาย อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อหัวใจและเส้นเลือด ได้ค่ะ

ดูดไขมันใช่การลดน้ำหนักหรือเปล่านะ? หลายๆคนเข้าใจว่า การดูดไขมันออกจากร่างกายเป็นการลดน้ำหนักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดนะคะ ดังนั้นทำความเข้าใจใหม่นะคะซิส เพราะการดูดไขมันนั้น “ไม่ใช่การลดน้ำหนักนะ”แต่เป็นเพียงการปรับรูปร่าง กระชับสัดส่วนเท่านั้นนะคะ ถ้าเราสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าหลังจากดูดไขมันออกมา จะมีการแยกชั้นระหว่าง ชั้นไขมัน น้ำเลือด และน้ำเกลือค่ะ ซึ่งชั้นที่ลอยอยู่ด้านบนก็คือ “ชั้นไขมัน”นั่นเอง ซึ่งแปลได้ว่า “มีน้ำหนักเบาที่สุด” ทำให้น้ำหนักไม่สามารถลดลงได้ หรือถ้าลงจริง ก็อาจลงไม่เกิน 1-2 กิโลกรัมเท่านั้นค่ะ ดังนั้นหลังจากดูดไขมันมาแล้ว หากเราเน้นรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมัน น้ำตาล แป้ง ในปริมาณที่เยอะ หรือเรียกง่ายๆว่า รับประทานอาหารไม่ระวัง ก็มีโอกาสกลับมาน้ำหนักเท่าเดิมได้นะคะ ดังนั้นถ้าเราอยากคงรูปร่างที่ดีไว้ หลังจากดูดไขมันก็ควรจะออกกำลังกายต่อเนื่อง และมีการคุมอาหารร่วมด้วยนะคะซิส!!